“กองทุนรวม” ไม่ยากถ้าคิดลงทุน

“กองทุนรวม” ไม่ยากถ้าคิดลงทุน

ปัจจุบันการออมเงินไว้ในบัญชีเงินฝากคงไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนแม้แต่เงินเฟ้อก็ยังเอาชนะไม่ได้เลย แต่เงินฝากก็มีข้อดีคือ มีสภาพคล่องสูง เรียกคืนได้ทันทีเมื่อถอน กองทุนรวมจึงเข้ามามีบทบาทในฐานะเครื่องมือทางการเงิน ที่เป็นได้ทั้งการออมและการลงทุนไปพร้อม ๆ กัน 

กองทุนรวมคืออะไร?

พูดแบบเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นคือ การนำเงินทุกคนมากองรวมกัน แล้วนำไปลงทุนอะไรสักอย่างที่ต้องมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน และมีคนมาคอยบริหารให้เงินกองนั้นโตขึ้น ๆ กองทุนรวมใช้เงินจำนวนน้อยกว่าการเทรดหุ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้รับความนิยมสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ก่อนจะขยับไปเปิดพอร์ตเทรดหุ้นต่อไป 

ประเภทกองทุนรวม

มีทั้งแบบกองทุนเปิดที่มีการซื้อขายได้ในทุกวันทำการและกองทุนปิด คือมีระยะเวลากำหนดไว้เพื่อเลิกกอง กองทุนรวมมีทั้งแบบกองทุนที่ลงทุนไปเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและกองทุนที่ลงทุนไปเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี 

นอกจากนี้ กองทุนรวมยังมีแบบจ่ายเงินปันผล และไม่มีการจ่ายเงินปันผล แบบที่มีเงินปันผลก็จะได้ทั้งผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น และถ้ากองทุนมีกำไรสะสมก็ยังได้รับเงินปันผลตามไปด้วย ส่วนแบบไม่มีปันผล กำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมากกว่าแบบมีปันผล เพราะต้องไม่ลืมว่าถ้ากองทุนไม่มีกำไร ก็ไม่สามารถจ่ายปันผลได้เช่นกัน 

จะลงทุนกองทุนรวมควรคำนึงถึงอะไรบ้าง?

สิ่งสำคัญที่สุดคือความเสี่ยงจากการลงทุนที่เราจะยอมรับได้ เพราะการลงทุนกองทุนรวมจึงอาจเป็นไปได้ทั้ง“กำไร” หรือ “ขาดทุน” ดังนั้น “ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้” จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเลือกลงทุนในกองทุนรวมนั้น ๆ โดยสิ่งที่นำมาพิจารณาเพิ่ม ได้แก่ 

1. นโยบายการลงทุน จะเป็นตัวกำหนดและบอกเราว่า กองทุนรวมนี้จะนำเงินเราไปลงทุนในเงินฝาก, พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้เอกชน, หุ้นสามัญประเภทใด, กองทุนรวมในประเทศ/ต่างประเทศ ฯลฯ 

2.กองทุนรวมนี้เหมาะกับใครและไม่เหมาะกับใคร ประเภทที่เงินต้นต้องอยู่ครบหรือคนที่สามารถรอคอยได้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง ๆ ในอนาคต ฯลฯ

3. ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวม เสี่ยงน้อย – เสี่ยงปานกลาง – เสี่ยงสูง 

4. สัดส่วนการลงทุน กองทุนนี้เทน้ำหนักไปที่สินทรัพย์อะไร หุ้น, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้ ฯลฯ 

5.ค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บจากนักลงทุนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจต้องนำมาคิด หักค่าธรรมเนียมเวลาซื้อหรือหักค่าธรรมเนียมเวลาขายหรือไม่ และหักกี่ % 

6.ผลตอบแทนการดำเนินงาน จะเป็นตัวชี้วัดว่ากองทุนรวมตัวนั้นบริหารเป็นอย่างไร โดยดูได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง 3, 6, 12 เดือน 3 ปี 5 ปี ตั้งแต่ตั้งกองทุน 

นอกจากคำแนะนำข้างต้นนี้แล้ว คุณยังสามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ได้จากเอกสารที่เรียกว่า “หนังสือชี้ชวน Factsheet” และ “ผลการดำเนินงานย้อนหลัง Monthly Fund Update” เพียงเท่านี้ การเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมก็ไม่ยากอีกต่อไป

เช็กให้ชัวร์กับ 5 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่

เช็กให้ชัวร์กับ 5 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่

เชื่อว่าทุกคนต่างมีความฝันอยากเก็บเงินก้อนโต เพื่อเป็นเงินทุนไว้ใช้จ่ายในอนาคตด้วยกันทั้งนั้น แต่หากเก็บออมผ่านบัญชีออมทรัพย์ ดอกเบี้ยอันน้อยนิดที่ได้มาแต่ละปีอาจทำให้เงินงอกเงยไม่ทันใจ หลายคนจึงหันมาใช้เงินเพื่อการลงทุน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เงินงอกเงยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้มีนักลงทุนมือใหม่จำนวนมากหันมาลงทุนด้วยวิธีต่าง ๆ และสำหรับใครที่เป็นมือใหม่และต้องการทดลองลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงิน แนะนำเช็กให้ชัวร์และพิจารณาความพร้อมของตนเองก่อนเสมอว่าพร้อมแล้วกับการลงทุนหรือยัง

5 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่

1.รู้วัตถุประสงค์ก่อนลงทุนเสมอ
ก่อนเริ่มต้นลงทุนอะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมถามตนเองก่อนว่าวัตถุประสงค์การลงทุนคืออะไร เช่น ลงทุนเพื่อเป็นเงินทุนยามฉุกเฉิน ลงทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาบุตร ลงทุนเพื่อเป็นรายได้ยามเกษียณ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรรู้ด้วยว่าต้องการผลตอบแทนมากหรือน้อยแค่ไหน เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

2.รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้แค่ไหน
เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ซึ่งแน่นอนว่าหากตัดสินใจลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนควรรับความเสี่ยงได้ ที่สำคัญควรสำรวจตัวเองก่อนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยเพียงใด เพราะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกประเภทการลงทุน

3.รู้จักการลงทุนแต่ละประเภทดีแล้วหรือไม่
ต้องบอกว่าการลงทุนมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกประเภทการลงทุนควรทำความรู้จักข้อดีและข้อเสียของการลงทุนประเภทต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน เช่น การลงทุนตราสารหนี้ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างน้อยและได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ หรือการลงทุนหุ้นแต่ละชนิดที่ต้องแบกรับความเสี่ยงมากและน้อยแตกต่างกัน เป็นต้น

4.ลงทุนนานเท่าไหร่ถึงได้ผลตอบแทนคุ้มค่า
การลงทุนแต่ละประเภทให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมคำนวณการได้รับผลตอบแทนโดยคร่าว ๆ เช่น หากมีเงินลงทุนก้อนโตและต้องการผลตอบแทนเป็นเงินก้อนใหญ่ แนะนำให้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ถึงอย่างนั้นควรอดใจรอช่วงที่ราคาที่ดินดีดตัวสูงแล้วจึงขายทำกำไร เป็นต้น

5.อย่าลืมติดตามผลการลงทุนเสมอ
เมื่อตัดสินใจลงทุนแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เงินทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ควรติดตามผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุก 3 เดือน ทุก 6 เดือน หรือทุก 1 ปี เป็นต้น เพราะหากผลลัพธ์การลงทุนไม่คุ้มค่าหรือไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ จะได้ปรับแผนการลงทุนได้ทันท่วงที และลดโอกาสสูญเสียเงินต้นอีกด้วย

นอกจาก 5 เรื่องควรรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่หยิบมาบอกต่อกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนไม่ว่าจะมือเก่าหรือมือใหม่ควรตระหนักไว้เสมอคือ การลงทุนมีความเสี่ยง โดยการลงทุนย่อมมีทั้งกำไรและขาดทุน ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง