อัปเดตเทรนด์การลงทุนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย เริ่มต้นไว เกษียณอายุเร็ว

อัปเดตเทรนด์การลงทุนสำหรับนักศึกษา

“การลงทุน” เครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ยิ่งวางแผนการใช้เงินเร็วเท่าไหร่ยิ่งทำให้มีโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันการลงทุนจึงกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยก็สามารถเริ่มต้นวางแผนการเงินและการลงทุนได้ 

  1. เครื่องมือลงทุนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย
  1. การลงทุนแบบ Passive Income การลงทุนแบบ Passive income เป็นเทรนด์ยอดนิยมในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัย เพราะเป็นการลงทุนที่สามารถเลือกการใช้เงินทุนและเลือกความเสี่ยงได้ตามฐานะทางการเงินของตัวเอง เช่น การออมเงินในบัญชีเงินฝาก, เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล, ประกันสะสมทรัพย์, ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมอสังหาฯ และหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้น
  1. การลงทุนที่รับผิดชอบต่อสังคม (Socially Responsible Investment : SRI) เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นลงทุนในกิจการที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนตามหลักสากล เช่น SDGs UN Global Compact เป็นต้น เช่น นโยบายการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน กลยุทธ์การลงทุน ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยจุดเด่นในการลงทุน SRI Fund คือ เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ของกิจการที่เน้นความยั่งยืนเป็นหลักและเป็นการลงทุนที่ช่วยผลกระทบเชิงบวกทางสังคม พร้อมทั้งได้ผลประโยชน์จากเงินปันผลด้วย
  1. สกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency สกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ฯลฯ เป็นการลงทุนที่มีได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบันเนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนสูง แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงสูงเช่นกัน ผู้ที่สนใจควรศึกษาหาความรู้ให้ดีก่อนลงทุน

สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รู้แล้วว่าอยากลงทุนในเครื่องมือแบบไหน หรือเครื่องมือแบบไหนตอบโจทย์กำลังทรัพย์ของตัวเอง เคล็ดลับการลงทุนต่อไปนี้จะทำให้นักศึกษาในวันนี้กลายเป็นคนสูงวัยที่สุขสบายในวันหน้า

3 เคล็ดลับการลงทุนของนักศึกษามหาวิทยาลัย

  • การลงทุนไม่ต้องเยอะ แม้ว่าจะมีนักศึกษาจำนวนมากที่มีกำลังทรัพย์พอต่อการลงทุนในเครื่องมือที่มีความเสี่ยงสูงได้ แต่หากยังไม่เคยลงทุนมาก่อนควรเริ่มจากการลงทุนด้วยเงินทุนที่ไม่เยอะเกินไป เช่น 500 – 1,000 บาท/เดือน เป็นต้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนของการลงทุน รวมถึงการลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ แต่สามารถลงทุนต่อเนื่องในระยะยาวย่อมส่งผลดีมากกว่า 
  • กระจายความเสี่ยง ควรทดลองลงทุนในเครื่องมือที่มีความหลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตรและสินทรัพย์อื่นๆ เพราะนอกจากจะทำให้เข้าใจเครื่องมือในการลงทุนแต่ละแบบมากขึ้นยังเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย
  • เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน ในปัจจุบันความรู้เรื่องการลงทุนไม่ใช่เรื่องที่เข้าถึงยากอีกต่อไป เพราะเราสามารถเรียนรู้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ เช่น Youtube, Facebook, Tiktok หรือ Twitter เป็นต้น ความรู้เรื่องการลงทุนจะทำให้เกิดการตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้นและทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดียิ่งกว่าเดิม

การลงทุนเป็นเครื่องมือช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต แต่ควรลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้การเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ตอนที่เป็น

ลงทุน อะไรดีในปี กระต่ายทอง

ลงทุน อะไรดีในปี กระต่ายทอง

ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจและการลงทุนเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ มากมาย ทำเอาหลายกิจการล้มหายไปหลายแห่ง ไม่เว้นแม่กระทั่งยักษ์ใหญ่หลายที่ที่ดูมีความมั่นคง แม้ว่าในช่วงท้ายปี 2565 สถานการณ์โควิดจะคลี่คลาย หากหลายกิจการไม่คิดปรับตัวก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ โดยในปีกระต่ายทองนี้ ถือเป็นปีแห่งการลงทุนอย่างแท้จริง เพราะหลายประเทศเริ่มจะผ่อนคลายในมาตรการการแพร่ระบาดของโรค จึงมีการสำรวจเกิดขึ้นว่าในปี 2566 นี้จะลงทุนอะไรดีให้มีผลกำไรยอดขายปัง ๆ ได้ ไปหาคำตอบกัน

  1. ค่าเงิน

หากจะกล่าวถึง ฟอเร็กซ์หลายคนคงรู้จักและเชื่อได้ว่ามากกว่า 80% ต้องไม่กล้าลงทุนเพราะที่ผ่านมา มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องขาดทุนและโดนโกง ซึ่งจริง ๆ แล้วการลงทุนใน ค่าเงิน สามารถที่ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ เพียงไปยังสถานที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แลกสกุลเงินไทยกับสกุลเงินหลักของโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ, เยน ญี่ปุ่น, ปอนด์สเตอริง อังกฤษและยูโร จากนั้นเพียงรอราคาที่ค่าเงินบาทอ่อนก็สามารถที่จะนำไปขายได้ ซึ่งค่าเงินบาท ณ ปัจจุบัน (23/1/2023) แข็งตัวที่ระดับ 32.68 บาท/ดอลลาร์ สหรัฐ หลังจากในช่วงปีที่แล้วอ่อนตัวไปแตะที่ระดับ 38-39 บาท/ดอลล่า สหรัฐมาแล้ว

  1. ทองคำ

หลังจากที่ทำราคาจุดสูงสุดในปี 2020 ที่สามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์และราคาทิ้งตัวลง ใคร ๆ ต่างก็ประเมินว่าราคาทองคำจะร่วงลงไปที่ระดับต่ำกว่า 1500 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิด หลังจากที่ราคามีการปรับตัวทำ Sideway ออกข้างและพยายามดีดกลับขึ้นมาในระดับ 1800-1900 ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เป็นไปได้ว่าปีนี้อาจเป็นปีของทองคำก็เป็นได้ แม้สถานการณ์ดอกเบี้ยโลกที่เพิ่มสูงขึ้น แต่อย่าลืมว่าหนี้ของแต่ละประเทศก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน การที่แต่ละประเทศหันไปตุนทองจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

  1. หุ้น

เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ร้อนแรงมากที่สุดในช่วงผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะบรรดา VI และนักลงทุนที่มีเงินสดในกระเป๋า ณ ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นลงไปแตะที่ 900 จุด ผ่านมา 2 ปี ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยกลับมายืนที่ระดับ 1600-1700 จุดได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปแตะที่ระดับ 1800 จุด กันมาแล้ว หรือมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 100% แต่นักลงทุนควรเลือกหุ้นด้วยความระมัดระวัง เพราะดัชนีมีการปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้วนั่นเอง

  1. ความรู้

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรใส่ใจและให้ความสำคัญมากที่สุดนั่นก็คือ การลงทุนในความรู้ เพราะการที่ทุกคนมีความรู้ย่อมมีภาษีดีกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลย สังเกตจากในช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับคนโดนหลอกให้ไปลงทุนจำนวนมาก โดยที่ไม่รู้เลยว่าการลงทุนเหล่านั้นเป็นของจริงหรือไม่และมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด 

สุดท้าย ไม่ว่าคุณจะลงทุนอะไรก็ตาม ให้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเสมอและให้นึกถึงกรณีที่ต้องขาดทุนแบบหมดตัวด้วยว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะหลายคนมองแต่ภาพการลงทุนที่สวยหรู รับกำไรเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าหากขาดทุนจะต้องทำอย่างไร

เช็กลิสต์ 3 สิ่งมือใหม่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเล่นหุ้น

เช็กลิสต์ 3 สิ่งมือใหม่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเล่นหุ้น

หากพูดถึงการลงทุนในปัจจุบัน ‘การเล่นหุ้น’ ยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทุกคนสนใจ เพราะหากเราลงทุนในหุ้นที่ดีก็มีโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับเงินปันผลจากหุ้นที่เราซื้อไว้อีกด้วย 

การลงทุนในหุ้น หมายถึง การซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยการลงทุนในหุ้นนั้น คุณหวังว่าบริษัทจะเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น หุ้นที่คุณถือไว้อาจมีมูลค่ามากขึ้น  นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำกำไรได้หากคุณตัดสินใจขายหุ้นนั่นเอง วันนี้จึงชวนมาเปิดวิธีเบื้องต้น สำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุน ว่าพื้นฐานที่เราควรรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้นมีอะไรบ้าง

  1. รู้จักตนเอง 

สำหรับมือใหม่เริ่มลงทุนสิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณโฟกัสกับตัวเองได้ว่าเป้าหมายการลงทุนของเราคืออะไร ต้องการออมเงินมากน้อยแค่ไหน จากนั้น จึงมาประเมิน “เงื่อนไขการลงทุน” เช่น อายุของเรา ถนัดสินทรัพย์ประเภทไหน มีประสบการณ์ลงทุนหรือไม่ ต้องการผลตอบแทนรูปแบบใด  และประเด็นสำคัญสำหรับการลงทุนในหุ้น  คือ ต้องรู้ตัวว่าเรา “ยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน?” เพราะสิ่งนี้ล้วนมีผลต่อการลงทุนของเราทั้งสิ้น เนื่องจากตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน อาจมีหุ้นขึ้น หรือลง ได้ตามการแปรผันของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยเช่นกัน

  1. ศึกษาข้อมูลหุ้นที่สนใจ

ข้อนี้เป็นหนึ่งปัจจัยสำหรับมือใหม่ที่จำเป็นต้องศึกษาหุ้นที่คุณสนใจอย่างละเอียดลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อมูลของบริษัทฯ ที่จะเข้าไปซื้อหุ้น ได้แก่ ประเภทธุรกิจ, ภาวะตลาด, โมเดลธุรกิจ, ผลประกอบการย้อนหลังของบริษัท และอื่น ๆ รวมถึงไม่ลืมที่จะติดตามความเคลื่อนไหว ข่าวสาร ของหุ้นนั้น ๆ ว่ามีทิศทาง หรือปัจจัย ที่อาจได้รับผลบวก หรือผลกระทบอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต

  1. สร้างพอร์ตที่เหมาะกับตนเอง

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ นั่นคือคุณต้องสร้างและจัดการพอร์ตที่เหมาะกับตัวของคุณเอง โดยต้องกระจายความเสี่ยงได้อย่างสมดุล และต้องไม่ลืมที่จะเลือกหุ้นที่คุณมองเห็นว่าเหมาะสมกับสไตล์การเล่นหุ้นของคุณ กล่าวคือ หากคุณเป็นสายเก็งกำไร ก็อาจจะศึกษาลงทุนหุ้นที่กำลังมีแนวโน้มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากคุณเป็นสายเน้นปันผล ไม่ค่อยมีเวลาติดตาม ก็อาจจะเลือกลงทุนหุ้นที่มีความมั่นคงในระยะยาว และให้เปอร์เซ็นต์ตอบแทนปันผลที่ดี เพื่อสอดคล้องกับความต้องการลงทุนของคุณได้ตามต้องการ

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยง’ เพราะฉะนั้นสิ่งที่นักลงทุนมือใหม่อย่างเราทำได้ คือการศึกษาพื้นฐานของหุ้นอย่างละเอียด รู้จักแนวทางของตนเอง และไม่ลืมที่จะคอยเติมความรู้ใหม่ ๆ ในการลงทุนเสมอ รับรองว่าคุณจะสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ไม่ยาก

สิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง

สิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง

จากแหล่งข้อมูลมากมายทั้งในอินเทอร์เน็ตและในหัวข้อข่าวต่าง ๆ ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะเห็นนักลงทุนที่เก่ง ๆ สร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนในหุ้น หรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และพากันคิดไปเองว่าเป็นเรื่องง่าย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทุกการลงทุนนั้นจะมีความเสี่ยง นักลงทุนที่เก่งกาจจะมีเป้าหมายของตนเอง และกำหนดกรอบของระดับความเสี่ยงซึ่งตนเองจะยอมรับได้เสมอ นอกจากนั้นพวกเขาจะใช้กลยุทธ์ที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตนเอง เพื่อให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก

สิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง

คุณเองก็สามารถเป็นนักลงทุนผู้เก่งกาจ และสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองได้เช่นเดียวกัน โดยอาศัยเทคนิค 4 ประการ ซึ่งเราจะนำเสนอให้ต่อไปนี้ เพื่อให้นักลงทุนหน้าใหม่เริ่มการลงทุนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เเละทำกำไรจากการลงทุนได้สำเร็จเช่นเดียวกัน

  1. ก่อนเริ่มการลงทุน สิ่งแรกที่คุณควรจะทำก็คือ เรียนรู้เรื่องของตลาดหุ้นให้ถ่องแท้ และเมื่อคุณรู้จักและเข้าใจการซื้อขายหลักทรัพย์จนแตกฉานแล้ว คุณก็จะสามารถเอาชนะความกังวลและเริ่มต้นการลงทุนของคุณได้อย่างคุ้มค่า ความมีวินัยและความมุ่งมั่นที่จะไม่หยุดการเรียนรู้ ย่อมจะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายที่วางเอาได้แน่นอน
  1. ในช่วงเริ่มต้นนั้น ถ้าคุณเลือกขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ จะถือว่าเป็นการตัดสินใจเลือกที่ฉลาดมาก ๆ คำแนะนำจากที่ปรึกษาย่อมจะช่วยลดความผิดพลาด และประสบการณ์ของที่ปรึกษา จะทำให้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างก้าวกระโดด และนี่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่อย่างแท้จริง
  1. จงเลือกการลงทุนโดยการสร้างพอร์ตโฟลิโอซึ่งเหมาะกับสไตล์ตนเอง เพราะนักลงทุนแต่ละคนนั้นย่อมจะสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้แตกต่างกัน คุณควรเลือกระดับความเสี่ยงซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงิน และสไตล์ของคุณ ซึ่งจะช่วยลดระดับความเครียด และทำให้การลงทุนของคุณเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่า
  1. คุณต้องมีวินัยที่จะซื้อขายอย่างเป็นระบบ พยายามปรับแต่งพอร์ตการลงทุนของคุณให้สมดุลอยู่เสมอ ตามจังหวะความเป็นไปของตลาดหุ้น และติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พยายามกระจายความเสี่ยง โดยเลือกแบ่งลงทุนในหุ้นที่มีลักษณะเป็นหุ้นต้นทุนต่ำ หรือแบ่งลงทุนในหุ้นระยะยาวบ้าง เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ตลาดหุ้นตกด้วยเหตุไม่คาดฝัน อย่างเช่นสถานการณ์ไวรัสระบาดเป็นต้น

เห็นไหมว่า หากคุณเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ การที่จะสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนให้กับตนเองนั้น ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ลองนำวิธีการและเทคนิคที่เรานำเสนอนี้ไปลองปรับใช้กับการลงทุนของคุณ เราเชื่อแน่ว่าคุณเองก็จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เช่นเดียวกัน

4 เทคนิคที่เปลี่ยนทุนหลักร้อยให้เป็นผลกำไรหลักหมื่นหลักแสน

กระแสฟุตบอลกำลังมาแรงมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วหลายคนก็รู้ดีว่าการแข่งขันฟุตบอลมักจะมาคู่กันกับการพนัน จนทำให้สร้างรายได้มากถึง 200-300 บาทต่อวัน และมีบางคนที่ทำกำไรได้มากถึงหลักแสน จากการเดิมพันในช่วงระยะเวลา 1 ปี แล้วก็มีเซียนบอลจำนวนหนึ่งที่ความสามารถเปลี่ยนทุนเดิมพันหลักร้อยให้เป็นผลกำไรหลักหมื่นหลักแสนได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เล่าเรื่องมาขนาดนี้แล้ว เชื่อว่ามีหลายคนกำลังให้ความสนใจและอยากรู้เทคนิค ดังนั้นเรามาดูกันกับ 4 เทคนิค

เทคนิคที่ 1 : เลือกเว็บเดิมพันที่เป็น Partner ในการลงทุนระยะยาว โดยผู้เล่นต้องให้ความสนใจกับเรื่องตัวเว็บพนันที่ผู้เล่นจะใช้บริการในการลงทุนเสียก่อน เนื่องจากเว็บเดิมพันนั้นเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในด้านประสบความสำเร็จ หากเกิดเลือกใช้บริการในเว็บพนันที่ไม่มีคุณภาพก็อาจจะล้มเหลว ส่วนการเลือกเว็บพนันออนไลน์ที่ดีนั้นควรจะมีโปรโมชั่นเข้ามาช่วยส่งเสริมในการทำกำไร ช่วยให้ผู้เล่นมีโอกาสขาดทุนน้อยลงจากการวางเดิมพันในแต่ละครั้ง ยกตัวอย่าง คืนเงินที่ผู้เล่นเสียไปเปอร์เซ็นต่อสัปดาห์ หรือเป็นเว็บที่ไม่เอาเปรียบผู้เล่นจนเกินไปในเรื่องของอัตราการต่อรองที่เปิดมาให้เดิมพัน

เทคนิคที่ 2 : เลือกโหมดเดิมพันที่เหมาะสมกับกำลังทรัพย์ ไม่ใช่เลือกแต่โหมดที่ได้รับความนิยม ยกตัวอย่างเช่น โหมดการเดิมพันแฮนดิแคปอัตราต่อรอง หรือเดิมพันแบบสเต็ปที่ได้ผลกำไรมากเป็นหลายเท่าตัว เพราะใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำกำไรจากโหมดเหล่านี้ได้ มาดูกันไปทีละโหมด เริ่มที่โหมดลูกเตะมุม สามารถทำการเก็งกำไรได้จากจำนวนลูกเตะมุมของทั้งสองทีม ส่วนเทคนิคในการเก็งกำไรจากลูกเตะมุมนั้นให้ดูฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมเป็นหลัก แล้วถ้าเกิดทั้งสองทีมมีการบุกใส่กันตลอดทั้งเกม ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าเข้าข่ายโหมดแต้มสูงที่นับจากจำนวนประตูของทั้งสองทีมที่ทำได้

เทคนิคที่ 3 : ต้องวางแผนจะได้มองเห็นการทำกำไรในระยะยาว ซึ่งการเดิมพันในแต่ละครั้งนั้นจะหวังแค่ดวงช่วยไม่ได้ โดยที่ผู้เล่นควรกำหนดเอาไว้ว่าลงทุนจำนวนเงินเท่าไหร่และจะแบ่งใช้เดิมพันทั้งหมดกี่วัน โดยเทคนี้จะช่วยลดปัญหาของการโอเวอร์เบทหรือการลงเดิมพันด้วยจำนวนเงินที่เยอะมากเกินไปในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการขาดทุนมานักต่อนักแล้ว และในทุกๆครั้งที่ผู้เล่นสามารถทำกำไรได้ในแต่ละวัน ควรจะเป็นกำไรที่ขั้นต่ำ 2 เท่าของเงินที่ผู้เล่นขาดทุนจากการลงทุนไปก่อนหน้า เช่นขาดทุน 100 บาท โดยจำนวนเงินกำไรที่ผู้เล่นควรทำได้ในแต่ละวันก็คือ 200 บาทเป็นอย่างต่ำ

เทคนิคที่ 4 : ให้เลือกเก็งกำไรไปทีละคู่ไม่ต้องรีบร้อนเล่นทีละหลายคู่ เอาจริงแล้วจำเป็นต้องเดิมพันวันละหลายคู่ก็ได้ เพราะถ้าเกิดผู้เล่นใช้เงินลงทุนหนักๆที่คู่มั่นใจเพียงแค่ 1 คู่ เราก็สามารถทำกำไรได้ไม่แพ้กับการลงทุน 3 คู่หรือ 5 คู่ แล้วการเดิมพันทีละคู่นั้นมีประโยชน์ตรงที่ทำให้ผู้เล่นสามารถโฟกัสในการลงทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยการคาดการณ์ผลการแข่งขันที่แม่นยำจากช่วงเวลาวิเคราะห์บอลที่มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากมี 500 บาท แล้วแบ่งเป็นคู่ละ 100 บาท อาจจะได้กำไรแค่ 3 คู่ แล้วขาดทุนไป 2 คู่ แต่ถ้าเกิดผู้เล่นลงทุนคู่เดียวไปหนักๆ 500 บาท แล้วชนะขึ้นมาก็จะได้รับกำไรกลับมาเต็มที่ 500 เลย

ทั้ง 4 เทคนิคที่ได้กล่าวมาไม่ใช่เทคนิคที่ตายตัวหรือต้องทำตามแบบเคร่งครัดแต่อย่างใด แต่ว่าผู้เล่นสามารถนำเทคนิคต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ได้ในรูปแบบของการลงทุนของตัวผู้เล่นเอง เพียงแต่รูปแบบของการลงทุนที่เรานำมาเสนอนี้ มีเซียนบอลหลายๆคนเลือกใช้ ถ้าหากอิงจากสถิติแล้วพบว่าได้ผลเกิน 90% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการต่อยอดและการเรียนรู้เข้าใจของตัวผู้เล่นเองด้วย

เคล็ดลับการลงทุนที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องรู้ในปี 2564

เคล็ดลับการลงทุนที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องรู้ในปี 2564

ในช่วงปี 2564 ผู้ประกอบการทั้งเก่าและใหม่ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงและไม่แน่นอน จำเป็นต้องอัปเดตความรู้เกี่ยวกับการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อใช้เงินอย่างคุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด อย่างน้อยก็ต้องมีทางเลือกที่สองสำรองไว้เพื่อทำให้เงินเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น

เราจึงมีคำแนะนำการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อให้ฝ่าฟันผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในปีนี้ไปให้ได้ โดยมีเทคนิคดังนี้

1.เตรียมเงินลงทุนแต่เนิ่น ๆ
หากต้องการเงินมาลงทุนในปีนี้ ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ วางแผนงบประมาณการลงทุนและพยายามรัดเข็มขัดเก็บออมเงินไว้ก่อน พยายามลดค่าใช้จ่ายส่วนตัว ตัดการใช้จ่ายเล็กน้อยที่ไม่สำคัญออกไป เพื่อให้สามารถประหยัดเงินมากขึ้นและสะสมไว้เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจภายหลัง เช่น การชงกาแฟกินเองที่บ้าน ทำให้ประหยัดกว่าไปร้านกาแฟบ่อย ๆ หรือยกเลิกสมาชิกฟิตเนสและเคเบิลทีวี เมื่อประหยัดได้มากพอและพร้อมที่จะลงทุนแล้วให้มองหากองทุนที่เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมซึ่งเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ง่ายสำหรับคนที่เริ่มต้นธุรกิจ เมื่อขายคืนได้ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้าจะใช้เป็นเงินทุนสำรองในอนาคตได้

เพราะการเริ่มต้นธุรกิจใหม่มีค่าใช้จ่ายสูง นอกเหนือจากเงินทุนทำธุรกิจ ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต และการลงทะเบียนต่าง ๆ แล้ว ยังต้องซื้ออุปกรณ์และวัสดุต่าง ๆ ต้องใช้เงินก้อนโตพอสมควร แต่ถ้าวางแผนกลยุทธ์การออมอย่างรอบคอบ และลงทุนในธุรกิจที่เหมาะสมกับทิศทางของตลาด จะช่วยลดความเครียดเรื่องเงินทุนลงได้มาก

2.วางแผนสำรองไว้เสมอ
การลงทุนเป็นเรื่องท้าทายและมีความเสี่ยง เมื่อเริ่มต้นแผนการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 ด้วยแล้ว ผู้ประกอบการที่ดีมักจะระมัดระวังความเสี่ยง เปิดใจกว้างและวางแผนสำรอง มีตัวเลือกการลงทุนครั้งที่สองเสมอ ไม่ว่าตลาดจะเปลี่ยนไปอย่างไร ควรมุ่งมั่นเรียนรู้ตลาดเพื่อให้คาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคต เปิดรับโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ เลือกลงทุนในสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจก้าวหน้า ที่กล่าวมานี้คือสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และทำให้ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง รวมทั้งแก้ไขจุดอ่อนที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องเผชิญ เพื่อให้มีโอกาสเติบโตได้มากที่สุด

3.ยอมรับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น
ทุกวันนี้ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เป็นเรื่องง่ายที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจจากการสูญเสีย ต้องทำใจยอมรับว่าความล้มเหลวอาจเกิดขึ้นได้ หากมีจิตใจมุ่งมั่น ไม่ถอดใจไปง่าย ๆ พร้อมกับคิดบวกว่าการคืนทุนและทำกำไรใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้ายอมอดทนและเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาด สามารถปรับปรุงแก้ไขไปตามสถานการณ์ได้เหมาะสม สุดท้ายการลงทุนจะประสบความสำเร็จในระยะยาว ความล้มเหลวในครั้งแรกจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป หากความล้มเหลวทำให้เกิดหนี้สิน ต้องหาทางจ่ายให้หมดโดยเร็วที่สุด เพื่อลดจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว

หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด ควรติดต่อธนาคารเพื่อเจรจาขอเรตดอกเบี้ยต่ำเพื่อลดภาระดอกเบี้ยและช่วยให้หลุดพ้นจากหนี้ได้เร็วขึ้น สามารถประหยัดเงินไว้ใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจมากขึ้น

เคล็ดลับการลงทุน ทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล

เคล็ดลับการลงทุน ทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล

เคล็ดลับการลงทุน ทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล

การลงทุนอะไรก็ตาม ผลลัพธ์ในการลงทุนส่วนใหญ่แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม กล่าวคือ กลุ่มแรก เมื่อลงทุนทำมาค้าขายหรือทำธุรกิจจะมีการขาดทุน กลุ่มที่สอง ทำธุรกิจไม่ถึงขั้นขาดทุนแต่ได้กำไรน้อยกว่าที่คิดไว้ กลุ่มที่สาม ลงทุนทำธุรกิจได้กำไรเท่าที่คิดไว้ และกลุ่มที่สี่ เมื่อตั้งใจหรือวางแผนที่จะลงทุนแล้วลงมือทำจริง ปรากฏว่า ได้กำไรไหลมาเทมาเกินความคาดหมายไว้ เช่น คิดว่าได้กำไรสักประมาณ 1 ล้าน แต่กลายเป็นกำไรสิบล้านหรือร้อยล้าน จนทำให้คนที่ลงทุนเกิดความสงสัยเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาแบ่งปันเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพร้อมเคล็ดลับการลงทุนทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล ดังต่อไปนี้

ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ

เราคิดว่าคุณเคยสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจกันมาบ้างแล้วว่า วงจรธุรกิจในบางปีจะเป็นดาวรุ่ง พอเวลาผ่านไปหนึ่งปี หรือสองปีอาจจะอยู่ในช่วงขาลงก็ได้ ในทางกลับกันมีธุรกิจอื่นกลับอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะฉะนั้น ให้คุณถามตัวเองว่า คุณจะทำธุรกิจประมาณหนึ่งหรือสองปี แล้วล้มเลิกหรือไม่ ถ้าคำตอบพบว่า ไม่ใช่ คุณก็จะต้องทุ่มเทในการเรียนรู้เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนการทำธุรกิจนั้น ถึงแม้ว่าการลงทุนธุรกิจจะเป็นแบบเดียวกันในประเทศสักหมื่นธุรกิจก็ตาม

เคล็ดลับการลงทุนทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล

คนส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีการลงทุนทำธุรกิจ มักมองไปที่ผลลัพธ์ หมายความว่า อยากให้มีลูกค้าและได้กำไรมาก ๆ ด้วยการคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีลูกค้ามาสั่งสินค้าและจ่ายเงินให้กับธุรกิจที่ทำอยู่ แต่ในความเป็นจริง การลงทุนสร้างเส้นทางของธุรกิจนั้น ต้องให้ความสำคัญใน 3 เรื่องนี้ คือ สินค้าต้องมีคุณภาพดี ส่งตรงเวลาและราคายุติธรรมถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ราคาถูกที่สุดก็ตามหรือที่เรียกว่า “คุ้มราคา” ลูกค้าก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ บางทีจนรับงานไม่ทันด้วยซ้ำไป ถึงแม้ว่ามีบริษัทคู่แข่งเป็น 10 ราย ลูกค้าก็วิ่งมาหาบริษัทของคุณ ในทางตรงข้าม หากการทำธุรกิจแบบลวก ๆ ก็จะส่งผลให้ลูกค้าหนีได้

เคล็ดลับการลงทุนทำธุรกิจให้เติบโตตลอดกาล ไม่ว่าใครก็มีความต้องการกำไรมาก ๆ แต่สิ่งสำคัญควรคำนึงถึง คือ ความถูกต้องหรือไม่ได้เอาเปรียบใคร นอกจากนี้ให้คุณจดจำประโยคเตือนใจ คือ “ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก” ซึ่งเป็นประโยคที่มีความหมายว่า การลงทุนทำธุรกิจเหนื่อยตอนต้นแต่จะสบายตอนปลายเพียงคุณทำธุรกิจที่ดีจริง ด้วยการมุ่งการประกอบเหตุที่ดี แล้วสังเกตผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าตรงตามอย่างที่คิดไว้ แสดงว่าใช้ได้ แต่หากไม่ตรงก็มาปรับการประกอบเหตุใหม่ แล้วผลดีก็จะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง

เริ่มต้นธุรกิจใหม่ เคล็ดลับการลงทุนที่ต้องรู้

ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของตัวเอง

เป็นธรรมดาของคนเริ่มธุรกิจใหม่ที่จะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายการลงทุนที่มีราคาสูง แม้ว่าจะเป็นเพียงธุรกิจเล็ก ๆ จะต้องมีต้นทุนด้านสถานที่ ค่าธรรมเนียมธุรกิจ ใบอนุญาตและการลงทะเบียน ไหนจะต้องซื้ออุปกรณ์และวัสดุทั้งหลาย หมดเงินไปจำนวนมาก ยังไม่ทันเริ่มก็เครียดแล้ว แต่ถ้าเรียนรู้กลยุทธ์การออมและการลงทุนที่ถูกต้อง จะมีเงินหมุนเวียนคล่องมือ ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องอีกด้วย เมื่อคิดจะทำธุรกิจ ต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบพร้อมกับศึกษาเคล็ดลับต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจในฝันเดินหน้าไปจนถึงจุดคุ้มทุนโดยไม่สะดุดเสียก่อน มาดูกันว่ากลยุทธ์เหล่านั้นมีอะไรบ้าง

1.ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของตัวเอง

คนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจด้วยเงินลงทุนของตนเอง ก่อนอื่นคุณต้องบันทึกไว้ว่าคุณมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเท่าไร สามารถลดทอนและประหยัดได้เท่าไร ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายส่วนตัวแยกไว้เก็บบัญชีหนึ่ง ส่วนเงินสำหรับการลงทุนในธุรกิจให้แยกไว้อีกบัญชีหนึ่ง เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ช่วยให้บริหารจัดการเงินสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น การควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองทำให้ไม่พลาดเรื่องลดการใช้จ่ายเล็กน้อยที่ไม่สำคัญ เช่น กินกาแฟนที่บ้านแทนกาแฟสดราคาแพง ยกเลิกสมาชิกโรงยิมที่ไม่ว่าเข้าใช้บริการ หรือยกเลิกการสมัครสมาชิกเคเบิลทีวี เงินที่ประหยัดได้ส่วนนี้ควรเก็บออมสะสมเพื่อการลงทุนในภายหลัง

2.ลงทุนในกองทุนรวม

มีธนาคารพาณิชย์ไม่กี่แห่งที่ยอมปล่อยสินเชื่อให้เจ้าของกิจการหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่งเท่านั้น ความไม่พร้อมทำให้เกิดปัญหาและไปไม่รอด หากคุณต้องการมองหาแหล่งทุนเพิ่มเติม อาจจะลงทุนกับกองทุนรวมซึ่งง่ายสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ข้อสำคัญคือพิจารณาเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่มีข้อผูกพันระยะยาว เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ฉลาดเพื่อนำเงินออกมาใช้ได้เมื่อพร้อมที่จะเปิดธุรกิจ อย่างไรก็ดี ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่ถูกหลอก กองทุนที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง มีความเสี่ยงน้อยมาก อาจเป็นสัญญาณการหลอกลวงที่ชัดเจน

3.ลงทุนด้านความรู้

มีความคิดจะทำธุรกิจ สิ่งแรกที่สำคัญอาจไม่ใช่เงินทุนก้อนโต แต่เป็นการวางแผนล่วงหน้าและความรู้ซึ่งต้องศึกษาอย่างจริงจังและเตรียมตัวเพื่อทำธุรกิจโดยมีความรู้ความสามารถมากที่สุด มีความรอบคอบนำเงินลงทุนไปใช้ให้เกิดดอกผลงอกเงยในระยะสั้น ไม่ใช้เงินแบบเปล่าประโยชน์ เช่น ซื้อสินค้ามากักตุนไว้เพราะเห็นแก่การซื้อส่งที่ช่วยประหยัดต้นทุน แต่สะสมของไว้ในสต๊อกมากเกินไป เริ่มธุรกิจไม่ทันไรก็ขาดสภาพคล่องแล้ว ซ้ำร้ายสินค้าระบายไม่ทันอาจหมดอายุเสื่อมคุณภาพไปเสียก่อน เท่ากับว่าทุนหายกำไรหด ในกรณีที่ตนเองไม่เก่งในด้านไหนให้จ้างคนที่มีความรู้ความถนัดมาช่วย เมื่อพบปัญหาก็จะคิดหาแนวทางแก้ไขได้ทันท่วงที

4.ลงทุนในสิ่งที่ส่งเสริมให้ธุรกิจก้าวหน้า

ก่อนนำเงินมาลงทุนในธุรกิจต้องพิจารณาว่าผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ การลงทุนแบบไหนจะส่งให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นที่สุด เช่น การลงทุนจ่ายค่าวางสินค้าในตำแหน่งสินค้าขายดีดูเด่นสะดุดกว่าคู่แข่ง เพื่อให้ลูกค้าเห็นก่อนและหยิบง่ายในช่วงเวลารีบเร่ง ในฐานะธุรกิจขนาดเล็กยังไม่มีเงินทุนมากพอ อาจปรับการลงทุนเป็นการออกแบบแพ็คเกจจิ้งให้สะดุดตาน่าสนใจกว่า คิดหาวิธีที่สามารถปรับปรุงให้ธุรกิจมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

เริ่มต้นธุรกิจใหม่ เคล็ดลับการลงทุนที่ต้องรู้