ข้อควรรู้! ก่อนลงทุน สหกรณ์ออมทรัพย์

ข้อควรรู้! ก่อนลงทุน สหกรณ์ออมทรัพย์

การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงนั้นสามารถลดลงได้ด้วยการหาความรู้ในการลงทุน ซึ่งการลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์เป็นหนึ่งช่องทางที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายในการเก็บออมและเพิ่มกระแสเงินสดในบัญชีให้มากขึ้น

การลงทุนในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. การลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถจับต้องได้ เช่น การลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่า เป็นต้น, 2. การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) ได้แก่ บิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอร์เลียม (Ethereum) เป็นต้นและ 3. การลงทุนในหลักทรัพย์ เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น

สหกรณ์ออมทรัพย์ คืออะไร?
สหกรณ์ออมทรัพย์ คือ กลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อลงทุนสะสมหุ้นของสหกรณ์ร่วมกัน เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ที่ต้องการกู้เงินไปใช้จ่ายได้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินอื่น ซึ่งสมาชิกที่สะสมหุ้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลในทุก ๆ ปี

สหกรณ์ออมทรัพย์ เหมาะกับใคร?
การลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์เหมาะสำหรับพนักงานประจำที่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนสูง แต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำ โดยผู้ที่จะสามารถลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ได้จะต้องเป็นพนักงานประจำของหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชนของหน่วยงานที่มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันมีสหกรณ์ออมทรัพย์รวมชุมนุมสหกรณ์ในประเทศไทยประมาณ 7,976 แห่ง (ข้อมูลอัปเดตล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563)

ข้อควรรู้! ก่อนลงทุน สหกรณ์ออมทรัพย์
ข้อดีของการลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ คือ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนหรือผู้ที่ไม่อยากยุ่งยากเรื่องการลงทุน โดยการลงทุนในหุ้นสหกรณ์เป็นการลงทุนที่ให้อัตราดอกเบี้ยตอบแทนค่อนข้างสูงและยังปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทั้งนี้แม้ว่าการลงทุนในสหกรณ์จะมีความเสี่ยงต่ำแต่ก็สามารถเกิดความผิดพลาดได้ โดยเหตุการณ์ที่สามารถสร้างผลเสียต่อสมาชิกที่ลงทุนมี 2 ประเด็นหลัก คือ การบริหารจัดการในสหกรณ์ไม่ดี ทำให้สหกรณ์เสียสภาพคล่องทางการเงิน และการทุจริตในหน่วยงาน ซึ่งการตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์อยู่เสมอเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ลงทุนได้

โดยสรุปแล้ว การลงทุนในสหกรณ์เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับสมาชิกที่ต้องการสร้างสภาพคล่องทางการเงินและต้องการเงินทุนหมุนเวียนในความเสี่ยงต่ำ แต่การลงทุนทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทั้งสิ้น ผู้ลงทุนควรศึกษาและหมั่นอัปเดตข้อมูลการลงทุนกับสหกรณ์ เพื่อจะได้ทราบการดำเนินงานและการนำเงินทุนของสมาชิกไปลงทุนประเภทใด มีผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร โดยนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจ

ลงทุนแบบไหนมนุษย์เงินเดือนควรศึกษา

ลงทุนแบบไหนมนุษย์เงินเดือนควรศึกษา

ปัจจุบันมีการลงทุนหลากหลายแบบที่สามารถทำให้เงินทองงอกเงยขึ้นได้ ซึ่งคนที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนควรจะทำการศึกษาไว้เพื่อทำให้เงินที่ได้มาอย่างจำกัดสามารถเพิ่มผลประโยชน์หรือสร้างรายได้ จากการลงทุนทั้งในแบบระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะเสริมสร้างความมั่งคั่งและความปลอดภัยทางฐานะในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

การลงทุนที่มนุษย์เงินเดือนควรศึกษาการ มีดังนี้

1. การฝากเงินแบบประจำ จะเป็นวิธีสะสมเงินออมไปเรื่อย ๆ แบบที่ได้ดอกเบี้ยอย่างแน่นอน เป็นการลงทุนแบบง่ายที่สุด ที่ผู้ทำงานแบบรับเงินเดือน จะไม่รู้สึกเป็นภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มความเครียดในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ เงินฝากแบบประจำจะมีข้อดีที่ปลอดจากการเรียกเก็บภาษีด้วย เช่น ฝากประจำเดือนละ 500 บาทติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปีเต็ม จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% อย่างการฝากเงินแบบอื่น ๆ

2. การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนควรศึกษาและทำการหักเงินเข้ากองทุนเหล่านี้ตั้งแต่เดือนแรก ๆ เพื่อให้มีเงินเก็บเป็นก้อนจำนวนหลายแสนบาท สำหรับการใช้จ่ายในวัยเกษียณ ทั้งนี้สามารถที่กำหนดเปอร์เซ็นต์เงินออมได้ว่าต้องการให้หักอัตโนมัติเท่าใดจากรายได้แต่ละเดือน (ในช่วงตั้งแต่ 12 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งอาจจะมีการสมทบจากนายจ้างตามกฎหมายด้วย การหักเงินอัตโนมัติเข้ากองทุนนี้ เป็นวิธีรักษาเงินไว้ได้เป็นอย่างดี ถ้าเทียบกับการลงทุนในหุ้นที่คุณยังศึกษาไม่ดีพอ ก็อาจทำให้เงินต้นสูญไปทั้งหมดได้

การลงทุนที่มนุษย์เงินเดือนควรศึกษา

3. สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นตัวอย่างการลงทุนแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยงมากกว่าที่กล่าวมาใน 2 ข้อแรก โดยเฉพาะหากเป็นสหกรณ์จัดตั้งใหม่ที่ยังขาดระบบในการควบคุมและตรวจสอบ แต่ก็เป็นการลงทุนแบบที่มีอัตราผลตอบแทนที่สูง มีการคำนวณเงินปันผลให้กับสมาชิกของสหกรณ์เป็นรายเดือนรายปี ที่สามารถถอนมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้ หรือจะเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ก็ได้เช่นกัน

4. การลงทุนในหุ้นแบบปันผล เพียงศึกษาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของบริษัท การซื้อหุ้นแบบปันผลในบริษัทเหล่านั้น จะสร้างความมั่งคั่งให้แก่คุณในระยะยาวได้ โดยยังสามารถซื้อหุ้นได้ในหลายกิจการอย่างที่คุณไม่สามารถเปิดกิจการเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง การลงทุนในข้อนี้จึงเป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่

หวังว่าวิธีการออมที่ยกตัวอย่างมา จะมีประโยชน์ต่อทุกท่านในการทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการแบ่งส่วนหนึ่งของรายได้ เพื่อลงทุนและสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในอนาคต