อย่าเพิ่งลงทุน-หากยังไม่ได้ศึกษาตลาดโลก-ปี-2018

อย่าเพิ่งลงทุน หากยังไม่ได้ศึกษาตลาดโลก ปี 2018

เรียกได้ว่า ปัจจุบันเป็นยุคแห่งการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจมือเก๋าหรือนักธุรกิจน้องใหม่ไฟแรง ล้วนต้องปรับตัวและแนวคิดให้เข้ากับยุคเทคโนโลยี 4.0 ซึ่งบอกได้เลยว่าอย่าเพิ่งลงทุน หากยังไม่ได้ทำการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเทรนด์และแนวโน้มทางเศรษฐกิจและสังคมโลก ดังนี้

อย่าเพิ่งลงทุน หากยังไม่ได้ศึกษาตลาดโลก

ปัจจัยแรกคือ ด้านวัยของประชากร

การที่ประเทศไทยของเราและประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นที่กำลังเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย จึงทำให้แนวทางการลงทุนมุ่งเน้นไปที่ ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ โดยองค์การสหประชาชาติวิเคราะห์ว่าอีกไม่เกิน 15 ปี ประชากรโลกที่อายุเกินวัยเกษียณจะมีมาก ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ของพลเมืองโลกทั้งหมด

ปัจจัยที่สอง คือ ด้านจำนวนของประชากร

การที่จำนวนประชากรจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนกว่าแปดพันล้านคน หรือราว 14 เปอร์เซ็นต์จากปัจจุบัน จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำ และทรัพยากรทางธรรมชาติ ทิศทางการลงทุนจึงเน้นไปทางธุรกิจอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการย้ายฐานอุตสาหกรรมด้านเครื่องอุปโภคบริโภคไปยังประเทศที่มีค่าแรงและค่าครองชีพต่ำ อย่างลาว เวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านของเรามากขึ้น

ปัจจัยที่สามคือ ด้านระยะทางและความสะดวกในการขนส่ง

ในขณะนี้เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทำให้การสั่งซื้อสินค้าเป็นเรื่องง่าย และเกิดวงจรการซื้อขายทั่วโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งและเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังศูนย์กระจายสินค้าและส่งถึงมือผู้ซื้อ หรือที่เรียกกันว่า ระบบโลจิสติกส์และการคลังสินค้า จึงเป็นธุรกิจที่น่าดึงดูดใจ มีอัตราการคืนทุนและให้ผลกำไรสูงมาก จึงเป็นแนวทางการลงทุนที่น่าสนใจและเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก

ปัจจัยที่สี่คือ ด้านการตลาดและ content ออนไลน์

เครือข่ายการสื่อสารในยุค 4.0 อย่างปัจจุบัน เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการทำธุรกิจให้เติบโตไว เพราะทำให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายอยู่ตลอดเวลา นักการตลาดออนไลน์และนักทำ content ที่มีฝีมือขั้นเทพจึงเป็นที่ต้องการและมีรายได้สูงมากขึ้น โดยเฉพาะหากสามารถสร้างผลงานได้หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้จ้างงานได้ ในเวลารวดเร็ว ก็จะได้ค่าตอบแทนที่น่าพึงพอใจยิ่งขึ้น ทั้งนี้งานสายนี้ก็มีการลงทุนคือการลงเรียนในคอร์สเฉพาะทางและค่าโปรแกรมต่าง ๆ เช่นกัน

อย่าเพิ่งลงทุน หากยังไม่ได้ศึกษา

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับทั้ง 4 ปัจจัยที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในยุค 2018 จะเห็นได้ว่า ล้วนมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการออกมาตรการทางกฎหมาย การค้า การภาษี และทางการฑูตระหว่างประเทศ ดังนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่กล่าวมาอีกมากนับจากนี้ นักธุรกิจทุกท่านจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

คนยุคใหม่ ต้องลงทุนกับอะไร

คนยุคใหม่ ต้องลงทุนกับอะไรดี

ขึ้นชื่อว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงสองด้าน คือ ด้านที่ประสบความสำเร็จได้ผลกำไรที่งอกงาม และด้านที่ขาดทุน ต้องสูญเสียเงินต้นหรือไม่ได้กำไรสวยงามตามที่คาดหวังไว้

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเงินอยู่กับตัวแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสแห่งการลงทุนผ่านเลยไป เรามาดูกันว่าคนรุ่นใหม่ควรลงทุนอะไรจึงจะดี

คนยุคใหม่ ต้องลงทุนกับอะไร

ลงทุนกับธนาคารแบบฝากประจำ

เป็นการลงทุนที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นใจว่าเงินต้นที่ฝากไปจะไม่สูญหายอย่างแน่นอน

ลงทุนลักษณะประกันควบคู่กับการออม

เป็นการบังคับให้ตนเองออมเงินเป็นประจำรายเดือนหรือรายปี ซึ่งยังได้ประโยชน์ด้านสิทธิ์ในการคุ้มครองต่าง ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ดังนั้นหากต้องการส่งเสริมวินัยการออมแก่ตัวเองและวางแผนการลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ควรพิจารณาการลงทุนแบบนี้ไว้ด้วย

ลงทุนระยะยาวกับกองทุน Long Term Fund

เป็นการลงทุนที่เหมาะกับมือใหม่ที่อยากผันตัวมาเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น สามารถชิมลางกับการศึกษาหุ้นผ่านกองทุน LTF สะดวกตรงที่ไม่ต้องคอยติดตามหุ้นชนิดเกาะติดหน้าจอ เพราะทางสถาบันการเงินจะมีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่แทนเรา เมื่อครบเวลาก็รอรับผลตอบแทนจากกองทุนที่เราเลือกไว้ได้เลย

คนยุคใหม่ ต้องลงทุนกับอะไรดี

ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Set trade หรือตลาดหลักทรัพย์ เป็นที่ที่สามารถนำเงินก้อนที่มีไปลงทุนให้เกิดกำไรงอกเงยได้อย่างรวดเร็ว และขณะเดียวกันก็สามารถทำให้เงินก้อนที่มีนั้นหมดไปได้ในพริบตา ดังนั้น การลงทุนประเภทนี้จึงต้องสะสมความรู้และประสบการณ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงจะสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนกลุ่มนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะสั้น หรือระยะยาวก็ตาม

ทั้งนี้ สามารถเลือกรูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้นได้หลากหลาย เช่น

– ลงทุนแนววีไอ หรือเน้นคุณค่าของมูลค่าธุรกิจรอรับดอกผลในระยะเวลาหลายเดือน หรือหลายปี

– ลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วย การถัวเฉลี่ยการซื้อหุ้นแบบ DCA หรือ dollar Cost Average เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกเช้าวันจันทร์ ซึ่งจะทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้

– ลงทุนอย่างรวดเร็วฉับไวด้วยตัวเอง ผ่านโปรแกรมสตรีมมิ่ง โดยประสานงานด้านการซื้อขายกับโบรกเกอร์ด้วยก็ได้ วิธีนี้จะได้การอำนวยความสะดวก และมีผู้แนะนำการซื้อขายหุ้นให้ตลอดเวลาด้วย

จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ทั้งนี้จะเลือกลงทุนแบบใดก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันทางการเงินจะช่วยในการประเมินก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ต้องลงทุนกับอะไรดี